วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ติวสอบ O-NET&A-NET

การจับใจความสำคัญ
1. การอ่านฟังทั้งเขียนและการพูด ย่อมเป็นบทพิสูจน์อย่ามองผ่าน
เป็นกลไกประจำวันอันยืนนาน ผู้ใช้การได้ดีย่อมมีชัย
คำประพันธ์บทนี้สื่อสารตรงประเด็นใดที่สุด
1. การใช้ภาษาอย่ามีประสิทธิภาพย่อมให้ประสิทธิผลแก่ผู้ใช้
2. การสื่อสารทุกประเภทมีความจำเป็นต่อทุกอาชีพและทุกวงการ
3. การสื่อสารที่เป็นประโยชน์ย่อมมีทั้งฝ่ายส่งและฝ่ายรับ
4. ทักษะการใช้ภาษาสำคัญต่อการำเนินชีวิตเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้เป็น
2. สาระสำคัญ ของคำประพันธ์นี้คืออะไร
ฟังการอะไรให้ชัดถนัดหู ฟังให้รู้ฟังให้เห็นเฟ้นความหมาย
ฟังให้ถูกฟังก่อนตอบโดยหยาบคาย ฟังด้วยกายใจถึงกันนั้นฟังดี
ฟังอะไรใคร่ควรคิดด้วยจิตว่าง ฟังทุกอย่างฟังทุกคนจนถ้วนถี่
ฟังแล้วท้วงติชมเพื่อเกื้อวจี ฟังเช่นนี้ล้วนเลอเลิศเกิดปัญญา
1. การฟังมีหลายรูปแบบ 2. การฟังทำให้เกิดปัญญา
3. วิธีฟ้งที่เป็นประโยชน์ 4. การใช้ความคิดในขณะที่ฟัง
3. “หมอแพทย์ว่าป่วยไข้ ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม โทษให้
แม่มดว่าผีกุม ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ ก่อสร้างมาเอง
สารัตถะสำคัญของโครงบทนี้คืออะไร
1. ต่างคนย่อมต่างความคิด 2. แต่ละคนมีความคิดเป็นอิสระ
3. เรื่องเดียวกันอาจมีความเห็นต่างกัน 4. การแสดงทัศนะย่อมสัมพันธ์กับความถนัด
4. ข้อใดเป็นใจความหลักของข้อความต่อไปนี้
ในส่วนภาคกลางของประเทศไทยการขนส่งทางน้ำเป็นวิธีการขนส่งหลัก การขนส่งทางบกมีไว้สนับสนุนเท่านั้น แต่หลังจากมีการสร้างรถไฟและถนนแล้ว การขนส่งทางบกก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
1. การขนส่งทางบกมีบทบาทมากในชีวิตปัจจุบัน
2. การขนส่งทางบกและทางน้ำมีมานานแล้ว
3. การขนส่งทางบกช่วยให้การขนส่งทางน้ำสะดวกขึ้น
4. การขนส่งทางน้ำช่วยให้การขนส่งทางบกสะดวกขึ้น


5. ข้อสรุปของข้อความต่อไปนี้ตรงกับข้อใด
ฉันบอกนก เธอบอกไม้ ฉันเลือกซ้าย เธอเลือกขวา ดีกว่าไหม
ฉันบอกร้อน เธอบอกหนาว ฉันตื่นสาย เธอให้ตื่นเช้าๆ
1. ต่างเพสต่างใจ 2. ต่างคนต่างจิต 3. ต่างวัยต่างความคิด 4. ต่างพวกต่างพฤติกรรม
6. ข้อใดเป็นใจความสำคัญของข้อความต่อไปนี้
อาหารญี่ปุ่นที่เด่นๆคือปลาที่มีโปรตีนที่ดีกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นเพราะมีโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดอัดตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด และยังมีวิตามิน เกลือแร่มาก อีกทั้งอาหารญี่ปุ่นมักใช้สาหร่ายเป็นสารประกอบหลักที่มีโปรตีน ไอโอดีน และใยอาหารสูง จึงช่วยย่อยระบบขับถ่าย
1. อาหารญี่ปุ่นมีคุณค่าทางโภชการสูง 2. อาหารญี่ปุ่นให้โปรตีนสูงกว่าอาหารชาติอื่นๆ
3. อาหารญี่ปุ่นช่วยรักษาโรคต่างๆได้ 4. อาหารญี่ปุ่นช่วยควบคุมน้ำหนักได้
7. ตามรายงานต่อไปนี้ข้อใดไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของโรคอ้วน
ผลสำรวจล่าสุดพบว่าหนึ่งในสี่ของเด็กวัยรุ่นชายในเมืองใหญ่ได้กลายสภาพเป็นเด็กอ้วนไปแล้ว อันผลมาจากความนิยมตะวันตกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น เด็กต้องคร่ำเครงกับกับการเรียนจนไม่มีเวลา ได้ออกกำลังกาย
นโยบายจำกัดให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้เพียงคนเดียวของทางการจีนก็เป็น อีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโรคอ้วนในเด็กชาย เพราะลูกชายโทนจะได้รับการปรนเปรอเยื่อง“จักรพรรดิน้อย”
1. เด็กคร่ำเคร่งเรียนหนังสือมากเกินไป 2. เด็กไม่ได้ออกกำลังกายเพียงพอ
3. เด็กอยู่ดีกินดีมากเกินไป 4. เด็กนิยมกินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์
8. ตามสาระของข้อความต่อไปนี้ ข้อใดกล่าวผิด
การเรียบเรียงลำดับข้อความผิดที่ที่ในประโยคเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้อ่านยาก และกำกวม จะเห็นกันอยู่เสนอถ้าผู้เขียนหรือพิสูจน์อักษรอ่านทบทวนและจดลำดับ เสียใหม่ก่อนปล่อยผ่านออกไปก็ช่วยการอ่านราบรื่นไม่สะดุด
1. ความกำกวมของข้อความเกิดจากการเรียงลำดับความผิดตำแหน่ง
2. ผู้เขียนสามารถขจัดความกำกวมของผู้เขียนได้ด้วยตนเอง
3. การตรวจทานเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้มีการเรียงลำดับความได้
4. ความบกพร่องด้านการเรียงลำดับข้อความเกิดขึ้นเป็นประจำจนแก้ไขไม่ได้




ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำถามข้อ 9-10
“รัฐบาลได้พยายามประคับประคองภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพให้ทรงตัวได้ดีพอสมควรแม้ว่าภาวะฝนแล้งตลอดปีและอุทกภัยที่สร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสแก่ประสาชนเกือบทั้งประเทศรัฐบาลได้รับมาตรการต่างๆ มาใช้บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องผ่านวิกกฤตไปได้ รัฐบาลจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอันมากที่สามารถลดภาวะอันหนักอึ้งลงไปได้”
9. ข้อใดคือเจตนาสำคัญของผู้พูด
1. ชี้ให้เห็นความสามารถของรัฐบาล 2. ชี้ให้เห็นภาระอันหนักของรัฐบาล
3. ชี้ให้เห็นวิกฤตการณ์ที่ไทยได้เผชิญ 4. ชี้ให้เห็นความเดือดร้อนแสนสาหัสของประชาชน
10. ผู้พูดใช้ภาษาลักษณะใด
1. ใช้คำที่เร้าอารมณ์ 2. กล่าวในเชิงเยินยอ
3. กล่าวในเชิงรำพึงรำพัน 4.ใช้คำง่ายตรงไปตรงมา
อ่านคำถามต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 11-12
“ผู้หญิงวันนี้นอกจากจะต้องเลี้ยงดูลูก ดูแลบ้านช่อง เข้าครัวอาหารให้ทุกคนรับประทานแล้ว ยังต้องทำงานนอกบ้านหนักเท่าเทียมกับผู้ชายอีกด้วย”
11. ข้อใดเป็นสาระสำคัญของข้อความข้างต้น
1. ในโลกยุคใหม่หญิงไม่เท่าเทียมชายอย่างแท้จริง
2. เกิดเป็นเพศแม่ต้องดูแลทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน
3. สตรีสมัยใหม่ไม่บกพร่องทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน
4. เกิดเป็นสตรีแท้จริงแสนลำบาก ต้องทุกข์ยากกว่าชายเป็นหลายเท่า
12. ข้อใดเป็นน้ำเสียงของผู้เขียนข้อความข้างต้น
1. เห็นใจผู้หญิงในปัจจุบันที่ต้องรับภาระหนัก
2. ค่อนข้างพอใจผู้หญิงในปัจจุบันที่ต้องรับภาระหนัก
3. ภูมิใจที่เป็นหญิงสามารถทำงานหนักได้เท่าเทียมกับผู้ชาย
4. ไม่พอใจผู้หญิงต้องทำงานหนักได้เท่าเทียมกับผู้ชาย
13. ข้อความที่ขีดเส้นใต้มีความหมายตรงกับข้อใด
“การเป็นพระกระทวนกระแสเลยทีเดียว คนทั่วไปในโลกมักตกอยู่ในกระแสที่ท่านเรียกว่ากามคือ
ความหลงระเริงเพลิดเพลินติดใจอยู่ในรูป รส กลิ่น สียงสัมผัสและสิ่งที่ทำให้ชื่นชมสบายใจ ถูกใจ”
1 . การไม่ปฏิบัติตามความนิยมของสังคม
2 . การไม่ปฏิบัติตามความอยากและความต้องการของคน
3 . การปฏิบัติในสิ่งที่ต้องการทางสังคม
4. การปฏิบัติเพื่อเป็นแบบอย่างให้คนทั่วไปทำในสิ่งที่ถูกต้อง
14. ข้อใดเป็นจุดมุ่งหมายของผู้เขียนข้อความต่อไปนี้
“เรื่องของการอนุรักษ์นี้อิตาลีเขาถนัดมาก มีเจ้าหน้าที่ที่เชียวชาญและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆดังนั้นเมืองประวัติศาสตร์ของเขาซึ่งอยู่หลายเมือง จึงล้วนแต่หน้าไปเที่ยวชมทั้งสิ้น ไม่เหมือนกับบ้านเรา ถึงมีผู้รู้อยากอนุรักษ์ก็ทำไม่ได้ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเลเต็มประดา ของเก่าใหม่ปนเปกันไปหมด”
1. ชื่นชมการอนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์ที่อิตาลี
2. ตำหนิการไม่อนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์ของไทย
3. กระตุ้นให้คนไทยรู้จักการอนุรักษ์เมืองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง
4. เสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ในอิตาลี
15. ข้อใดเป็นสาระสำคัญต่อไปนี้
1. สติปัญญาเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนภาษา
2. คนเราไม่มีสติปัญญาเลยหากไม่เรียนภาษา
3. คนเราต้องพูดได้ก่อนจึงจะพัฒนาสติปัญญาของตนเองได้
4. การเพิ่มพูนความรู้ทางภาษาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบถามข้อ 16-17
“ปัจจุบันภาษาไทยเราซบเซาไปมาก อันเนื่องมาจากแต่ความเห่อของฝรั่ง ความจริงการเรียนรู้ภาษาฝรั่งเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะว่าเราต้องติดต่อกับฝรั่ง และตำรับตำราวิชาการต่างๆ ก็เป็นภาษาฝรั่ง แต่การเรียนควรเป็นการเพิ่มพูนความรู้ มิใช่เรียนเพื่อมาละ เลิก หรือลืมภาษาไทย คำฝรั่งคำใดที่มีความหมายตรงกับภาษาไทย เราก็ควรแปลงมาเป็นคำไทย คำใดไม่มีในภาษาไทย อย่างเช่นศัพท์วิชาการต่างๆ จะใช้ทับศัพท์ก็สมควร”
16. ข้อใดเป็นสาระสำคัญของข้อความเบื้องต้น (มี.ค.46)
1. คนไทยควรใช้ภาษาไทยมากกว่าฝรั่ง
2. คนไทยควรเรียนรู้ภาษาฝรั่งเท่าที่จำเป็น
3. คนไทยควรรับภาษาฝรั่งมาใช้อย่างเหมาะสม
4. คนไทยไม่ควรใช้แต่ภาษาฝรั่งจน ไม่เห็นความสำคัญของภาษาไทย
17. ข้อใดไม่ปรากฏในข้อความขางต้น (มี.ค.46)
1. การเสนอประเดนปัญหา 2. การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
3. กาแสดงผลของปัญหา 4 การเสนอแนวทางในการแก้ปัญหา
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำถาม 18 – 19
“ถึงแม้ว่าคนไทยจะหนีความทุกข์ไม่พ้น เราก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวัง การดิ้นรนต่อสู้และเอาชนะความล้มเหลวทำให้มนุษย์มีคุณค่าขึ้น ผู้ที่ไม่ต่อสู้และดิ้นรนเพราะว่าไม่เห็นความสำคัญอยู่ข้างหน้า และทำตัวเหมือน กรวดทรายที่ไหลไปตามกระแสน้ำนั้นเป็นผู้ที่ทำตัวไม่สมควรที่เกิดมาเป็นมนุษย์”

18. ข้อใดเป็นสารสาระของข้อความข้างต้น (มี.ค.44)
1. การต่อสู้ดิ้นรนเป็นธรรมชาติของมนุษย์
2. ชีวิตมนุษย์ย่อมมีทั้งทุกข์ สุข สมหวัง และสิ้นหวัง
3. คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่การต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรค
4. ความล้มเหลวช่วยให้มนุษย์ประสบความสำเร็จในชีวิต
19. ข้อความข้างต้นใช้วิธีโน้มน้าวใจตามข้อใด (มี.ค.44)
1. ใช้โวหารเปรียบเทียบเพื่อเราอารมณ์
2. ใช้โวหารอธิบายและอ้างเหตุผลอย่างเหมาะสม
3. ใช้การกล่าวซ้ำและความขัดแย้งกันมาอ้างเหตุผล
4. ใช้อ้างหลักความจริงเพื่อชักชวนให้คล้อยตาม
20. ข้อใดเป็นสาระสำคัญของข้อความนี้
“อัลชชีเหล่านี้มีชีวิตเหมือนปูเสฉวน คืออาศัยเครื่องนุ่งห่มของคนอื่นมาบังหน้าเพื่อสร้างสถานภาพใหม่และความชอบธรรมให้ตนเอง หลอกบริโภคลาภสักการะจากศรัทธาปสาทะของอุบาสกอุบาสิกา”
1. คนที่หลอกลวงผู้อื่นด้วยสิ่งปกปิดร่างกายภายนอก
2. คนหลอกลวงโดยอาศัยความเลื่อมใสของผู้อื่น
3. คนทำตัวเหมือนราชสีห์ที่ห่มคลุมด้วยหนังแกะ
4. คนที่ทำตัวหน้านับถือโดยที่อาศัยเสื้อผ้าของผู้อื่น
21. ข้อใดเป็นเจตนาของผู้เขียนข้อความข้างต้นต่อไปนี้ (ต.ค.45)
“ การอยู่ใกล้คนฉลาดนั้น แม้จะอยู่ในนรกก็ดีกว่าอยู่ร่วมกับคนโง่บนสวรรค์เพราะคนฉลาดย่อมแสวงหาความสุขได้ แม้ในเรื่องเหตุการณ์ที่น่าจะทุกข์ มองในมุมกลับ คนโง่ย่อมประสบความทุกข์แม้ในเรื่องที่น่าจะสุข”
1. เสนอให้เปลี่ยนมุมมอง 2. สอนให้เลือกคบคน
3. แนะให้หาความสุข 4. เตือนให้รู้จักปรับตัว
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 22-23
“ ในระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังอยู่พื้นฐานของความอ่อนแอ และขาดความสามารถในการแข่งขันในระยะกลางตราบที่การปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนามนุษย์เป็นเกมการเมืองเพื่อหาคะแนนนิยมและแสงวหาอำนาจ”
22. ข้อใดเป็นสาระสำคัญของข้อความข้างต้น (ต.ค.45)
1. นักการเมืองสนใจปฏิรูปการศึกษาเพื่ออำนาจทางการเมือง
2. ประเทศไทยยังมีเศรษฐกิจและการศึกษาที่อ่อนแออยู่มาก
3. ประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันด้านเศรษฐกิจและการศึกษาได้ในขณะนี้
4. เศรษฐกิจไทยจะยังไม่ดีขึ้นถ้าไม่มีการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจัง
23. ข้อใดตรงกับทรรศนะของผู้เขียนข้อความข้างต้นมากที่สุด
1. การศึกษามีผงกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว
2. นักการเมืองไทยนึกถึงแต่ผลประโยชน์ของพรรคและของตน
3. ระบบเศรษฐกิจไทยยังคง มีปัญหาถ้าทุกคนยังเป็นเกมการเมือง
4. เศรษฐกิจและการศึกษาไทยในระยะยาวคงดีขึ้นแน่นอน
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 24-25
“แพทย์ไทยเห็นว่าเด็กไทยกำลังถูกโรคอ้วนรุมเร้าอันเป็นผลจากการกินอาหารฟาสต์ฟู้ด จึงทำการจัดการประกวดการลดน้ำหนักเพื่อขจัดความเสี่ยง เป็นการจูงใจคนทุกกวัยให้เห็นความสำคัญของการลดน้ำหนักมากกว่าที่จะปล่อยให้ตัวเองอ้วนอีกต่อไป
24. ข้อใดเป็นจุดประสงค์ของผู้เขียนข้อความข้างต้น (ต.ค.45)
1. เตือนว่าเด็กไทยกำลังมีปัญหาจากโรคอ้วน 2. ชี้ให้เห็นความสำคัญของการลดน้ำหนัก
3. ประชาสัมพันธ์การประกวดลดน้ำหนัก 4. บอกสาเหตุและการแก้ไขโรคอ้วนขอเด็กไทย
25. “ความเสี่ยง” ในข้อความข้างต้นหมายถึงอะไร
1. ความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน 2. ความเสี่ยงอันตรายอันเกิดจากความอ้วน
3. ความเสี่ยงอันตรายจากการลดน้ำหนัก 4..ความเสี่ยงจากการกินอาการฟาสฟู้ด
อ่านข้อความข้างต้นต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 26-27
“ความคิดเชิงบวกเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้โลกน่าอยู่ รู้สึกว่าสถานการณ์ดีขึ้น ใจสู้พลังชีวิตสูง โรคที่รุมเร้าอยู่ก็ก็ถอยไป และเกิดภูมิต้านทานโรค”
26”ความคิดเชิงบวก” ในข้อความข้างต้นหมายถึงข้อใด (ต.ค.45)
1. การมองโลกชีวิตในแง่ดี 2. การมองโลกให้เป็นผลรวมของชีวิตที่ดี
3. การมองโลกที่รวมความรู้สึกที่ดีไว้ด้วย 4. การมองโลกมองชีวิตด้วยการเพิ่มความคิดเห็นส่วนตัว
27. ข้อใดไม่อาจอนุมานได้จากข้อความข้างต้น (ต.ค.45)
1..โลกหน้าอยู่หากใจกล้าสู้ชีวิต 2. มองโรคแง่ดี ชีวีจะกลอดโรค
3. พลังใจที่กล้าแก่รงคือพลังแรงสู้โรครา 4. อนาคตย่อมสดใส หากหัวใจไม่ยอมแพ้

อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 28-29
“ชีวิตที่ดีไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ถ้ามีการดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ความสุขและความพอใจในชีวิตจะเกิดขึ้นได้ คนที่มีความเป็นอยู่เรียบง่าย ต้องมีพอต่อแก่ความจำเป็นแล้วหยุดอยู่ที่ตรงนั้น อยู่อย่างเรียบง่ายคือไม่เป็นภาระแก่ใคร ไม่เบียดเบียนผู้อื่นรวมทั้งตนเอง”
28. ข้อใดเป็นสารระสำคัญของข้อความข้างต้น (ต.ค.45)
1. การแสวงหาความสุขในการดำเนินชีวิต 2. ลักษณะการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย
3. การรู้จักรการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข 4. การใช้หลักธรรมฝนการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย
29. ข้อความข้างต้นไม่อาจอนุมานได้ว่าผู้เขียนเป็นคนเช่นไร (ต.ค.45)
1. มักน้อยและสมถะ 2. เชื่อมั่นในตนเอง
3. ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน 4. มีค่านิยมในการพึ่งตนเอง
30. ข้อใดเป็นแนวคิดของข้อความต่อไปนี้ (ต.ค.45)
“การบำรุงพ่อแม่ ไม่ต้องรอจนพ่อแม่แก่เฒ่า ลูกประพฤติตัวดี ไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนหนักใจตรงกันข้ามนำความปลื้มปิติมาสู่พ่อแม่ แค่นั้นก็ได้ถือว่าเป็นการบำรุงพ่อแม่ได้อย่างหนึ่งคือการบำรุงใจ”
1. ความภูมิใจของพ่อแม่ 2. ความรับผิดชอบของลูก
3. การตอบแทนพระคุณพ่อแม่ 3. การแสดงความเคารพรักบุพการี

สุนทรียภาพในวรรณคดี
1. คำประพันธ์ต่อไปนี้มีการเรียนเสียงกี่ข้อ (A-Net51)
1. นกเขาขันคู 2. พวกเราชวนเล่น ทำเสียงเหมือนกรน
3. กล้วยเลอะเกรอะกรัง กรงขังข้างบน 3. กรอบแกรบเสียงคน นานแล้วแกร่วคอย
1. 1 ข้อ 2. 2 ข้อ 3. 3 ข้อ 4. 4 ข้อ
2. ข้อใดมีการพรรณนาต่างกับข้ออื่น (A-Net51)
1. ลำดวนหวานหอมชื่น เหมือนรสรื่นนางรม 2. อังกราบกุหลาบแย้ม สอดสีแซมเมื่อแย้มบาน
3. ชงโคคิดคู่ชงฆ์ โฉมอนงค์นฤมล 4. อินทนิลกลิ่นตระการ เช่นเกสเจ้าเคล้าเสาวคนธ์
3. ข้อใดมีการสดุดีต่างจากข้ออื่น (A-Net51)
1. อัครศิลปินกรองศาสตร์กรองศิลป์การดนตรี
2. ตราบฟากฟ้าครึ้มฝนตกไม้ทุกต้นพลอยยินดี
3..เหล่าประชาคารวะสดุดีแผ่นดินนี้สุขด้วยองค์พระทรงชัย
4. บรรดาชาติชนชื่นใจถวายบังคมเทิดไท้ภูมิพลมหาราชา

4. “ในยามสงครามนั้นคุณธรรมทั้งเกราะป้องกันภัย เป็นกำลังสนับสนุนอันวิเศษ แอละบางครั้งก็เป็นอาวุธที่ทิ่มแทงศัตรูให้ย่อยยับได้
ข้อความข้างต้นมีภาพพจน์กี่แห่ง (A-Net51)
1. 1 แห่ง 2. 2 แห่ง 3. 3 แห่ง 4. 4 แห่ง
5. ข้อใดมีภาพพจน์ชนิดอุปลักษณ์ (A-Net51)
1. แลขี้ไคลใส่ตาบเป็นตาบคอ ผ้าห่มห่อหมากแห้งตาแบ่งมาน
2. มายากเย็นเห็นแต่ผ้าแพรดำ ได้ห่มกรำอยู่กับกลายไม่วายตรอม
3. อยู่บุรินกินสำราญทั้งหวานเปรี้ยว ตั่งแต่เที่ยวอยากไร้มาไพรศรี
4. เดินกันดารป่านปิ่มจะบรรลัย จึงมาได้เห็นหน้าบิดาตัว
6. คำว่า “ชาย” ในข้อใดมีความหมายใกล้เคียงกับ “เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ” (A-Net51)
1. ต้นกรายเหมือนนางกาย เดินหิ้วชายหมายตาชม
2. เห็นรักร่อนอ่อนหน้า ย่างเยื่องโชยชาย
3. ครวญนักรักโฉมฉาย พี่ชายห่างร้างแรมศรี
4. ขลิบทองย่องยงบาง เจ้าสะบัดชายกรีดกรายงาม
7. เอามีดคร่ำตำอกเข้าตำอัก เลือดทะลักหลามทะลุตลอดสัน
นางกระเดือกเสือกดิ้นสิ้นชีวี เลือดก็ดันดาดแดงดั่งแทงตาย
ข้อใดที่ไม่ปรากฏในคำประพันธ์ข้างต้น (A-Net51)
1. มโนภาพ 2. การเคลื่อนไหว 3. การเลียนเสียง 4. การกล่าวเกินจริง
8. คำประพันธ์ต่อไปนี้คำใดที่ไม่มีการเคลื่อนไหว (A-Net51)
ที่น้ำอันลับช่องมองเห็นพื้น ปลาน้อยน้อยลอยดื่นดูแหล่หลาย
พ่นน้ำเป็นละอองต้องแมงตาย ตกเรียกรายเป็นภักษาน่าเอ็นดู
1. วรรคที่ 1 2. วรรคที่ 2 3. วรรคที่ 3 4. วรรคที่ 4
9. คำประพันธ์ในข้อใดใช้ศิลปะการแต่งที่เรียกว่าการเล่นคำ
1. อุกคลุกพลบุกรุกรอน ไพรินทรนิกร 2. หึ่งหึ่งเสียงมธุกรอึง คู่เคี้ยเคียงคลึง
3. เค้าโมงคิดโมงนับ ลำดับได้กี่โมงยาม 4. ตามสมรคือสรยิงยรร ทรวงสองโหยหรรษ์
10 คำอธิบายในข้อใดสอดคล้องกับคำประพันธ์ต่อไปนี้ (A-Net51)
นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
จากพรากจับจากจำนรรจา เหมือนจากยางสการะวาตี
แขกเต้าจับเต้าร่างร้อง เหมือนร่างห้องมาหยารัศมี
นกแก้วจับแก้วพาที เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา
1. ใช้อุปมาและอุปลักษณ์ 2. เป็นบทพรรณนาที่แสดงบทนาฎการ
3. เป็นการแต่งทำนองนิราศ 4. ใช้ลีลาการแต่งประเภทนารีปราโมทย์
11. ความเปรียบต่อไปรี้หมายถึงใคร (A-Net51)
อุปมาเสมือนหนึ่งพฤกษาลบดาวัลย์ ย่อมอาสัญลงเพราะลูกเป็นแท้เที่ยง
1. นางมัทรีกับสองกุมาร 2. ท้าวดาหากับนางบุษบา
3. ท้าวกระหังกุหนิงกับวิหยาสะกำ 4. พระบิดาพระเวชสันดรกับพระเวชสันดร
12. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ลีลาการแต่งประเภทใด (A-Net51)
สงครามครานี้หนัก ใจเจ็บ ใจนา
เรียงเร่าแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้
ลูกตายฤใครเก็บ ผีฝากพระเอย
ผีจักเท้งที่โพล้ ที่เพ้ลใครเผา
1. เสาวรจนี 2. นารีปราโมทย์ 3. พิโรธวาทัง 4. สัลปังคพิไสย
13. ข้อใดกล่าวถึงสัตว์ที่ต่างพวกจากข้ออื่น (A-Net51)
1. แขกเต้าเคล้าคู่เคียง 2. ห่างไก่ว่ายแหวงว่าย 3. สัตวาน่าเอ็นดู 4. โนรีสีปานชาด
14. จากคำประพันธ์ต่อไปนี้ผู้ใดพูดไม่ได้ถาม (O-Net51)
วงศ์ว่านเครือเนื้อหน่อ พงศ์เผ่าเหล่ากอเป็นไฉน
อยู่ประเทศธานีบุรีใด ทำไมจึงแก้งแปลงปลอมมา
1. บ้านเดิมอยู่ที่ใด 2. พ่อแม่สบายดีหรือ
3. เป็นลูกเต้าเหล่าใคร 4. มาที่นี้ทำไม

15. ข้อใดไม่อาจอนุมานได้เกี่ยวกับบุคคลในคำประพันธ์ต่อไปนี้ (O-Net51)
ไร้ฟูกถูกเนื้อวันทองอ่อน เหมือนนอนเตียงทองวันผ่องใส
เพลินฟังวังเวงเพลงไร พิณพาทย์ไพรกล่อมทองอันผ่องใส
1..คิดถึงบ้าน 2. อยู่กลางป่า 3. มีความสุข 4. อยู่อย่างลำบาก
16. ข้อใดมีคำอัพภาส O-Net51
1. เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยอยู่พรายพราย 2. พระพารำเลยพัดมารีเรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว
3. พระทัยนางให้หวั่นหวาดพะวงหลัง 4. ยะเหยาะเหย่าทุกผีย่างไมหย่อนหยุด
17. ข้อใดเรียนเสียงพยัญชนะเด่นชัดที่สุด (O-Net51)
1. ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม 2. เห็นหรุ่มรุมมรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
3. คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ 4. รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤาจักเปรียบเทียบทันขวัญ
18. ข้อใดเป็นลักษณะที่เด่นที่สุดของคำประพันธ์ต่อไปนี้ (O-Net51)
โลกนี้มิได้อยู่ ด้วยมณี เดียวนา
ทรายและสิ่งอื่นมี ส่วนสร้าง
ปวงธาตุต่ำกว่าดี ดุลยภาพ
ภาคจักรพาลมีร้าง เพราะน้ำแร้งไหน
1. โวหารโลดโผน 2. ความหมายลึกซึ้งชวนให้คิด
3. การสรรคำสื่อภาพได้ชัดเจน 3. เสียงสัมผัสสระและพยัญชนะที่ไพเราะ
19. ข้อใดกวีใช้กลวิธีพรรณนาต่างกับข้ออื่น (O-Net51)
1. อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้าน้องชล 2. กระถินกลิ่นหอมกาย เช่นน้ำอบสุดามาลย์
3. ตัวเดียวมาพัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย 4. กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม
20. ข้อใดไม่แสดงจินตภาพการเคลื่อนไหว (O-Net51)
1. อุกคลุกพลุกเงยงัด คอคช เศิกแฮ 2. บัดราชฟาดแสงพล พ่ยฟ้อน
3. สารทรงราชรามัญ ลงล่าง แลนา 4. หน่อนเรนทรพิศ ตกดาว
21. ข้อใดไม่แสดงจินตภาพการเคลื่อนไหว (O-Net51)
1. ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
2. ป่าสูงยูงยางช้างโขลง อึงคะนึงผึ่งโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป
3. ไกรกรายยางยูงสู่ระหง ตลิงปลิงปลิงประยงค์
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง
4. ลิงค่างครางโคกครอก ฝูงจิ่งจอกออกเห่าหอน
ชะนิวิเวกวอน นกหกร่อนนอนรังเรียง
22. บทประพันธ์ต่อไปนี้สื่ออารมณ์ความรู้สึกใดของกวี (O-Net51)
ฤดูใดก็ได้เล่นเกษมสุข แสนสนุกทั่วเมืองหรรษา
ตั่งแต่นี้แลหน้าอกอา อยุธยาจะสาบสูญไป
จะหาไหนได้เหมือนกรุงแล้ว ดังดวงแก้วอันสิ้นแสงใส
นับวันแต่จะยับนับไป ที่ไหนจะคืนคงมา
1. ว้าวุ่น 2. คับแค้น 3. ร้อนรน 4. หดหู่
23. ข้อใดไม่ใช่ภาพพจน์ (O-Net51)
1. นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน
2. ถึงห้วยโป่งเห็นธารละหารไหล คาคงใสปลาว่ายคล้ายคล้ายเห็น
3. เสียงสินธุดุดั้นลั่นพึลึก สะท้านสะทึกถมฟาดฉาดฉาดฉาน
4. เหมือนนกฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา
อ่านคำประพันธ์ต่อไปนี้แล้วตอบคำถามหน้า 24-25 (O-Net51)
(1) เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน
(2) ครั้นยามเย็นเห็นเหมือนหนึ่งเมฆ เป็นควันฟุ้งราวกับไฟไกลหนักหนา
(3) เสียงสินธุดุดั้นลั่นพิลึก สะท้านสะทึกโถมฟาดฉานฉานฉาด
(4) เราเป็นมนุษย์สุดรักต้องลักพา เหมือนอินทราตรึงส์เป็นไรมี
24. ข้อใดใช้ภาพพจน์ชนิดอุปลักษณ์
1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4
25. ข้อใดไม่ใช้ภาพพจน์อุปลักษณ์
1. ข้อ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ข้อ 4
26. คำประพันธ์ต่อไปนี้ข้อใดมีวิธีการพรรณนาต่างจากข้ออื่น (ต.ค.43)
1. พื้นลังหลัวบัวที่ฐานบัทม์ เป็นครุฑอัดยืนเหยียบภุชงค์ขยำ
2. หยิกขยุ้มกุมวาสุกรีกำ กินนรรำร่ายเทพประนมกร
3. ใบระกาหน้าบันบนชั่นมุก สุวรรณสุขเลื่อมแก้วประภัสสร
. ดูยอดเยี่ยมเทียมยอดยุคนธร กระจังซ้อนแซมในระกาบัง
27. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้ภาพพจน์ตามข้อใด (ต.ค.43)
“ ฉันมองคลื่นรื่นเร่เข้าเห่ฝั่ง พร่ำฝากฝังภัคดีไม่มีสอง
มองดาวเฟี้ยมเยี่ยมพักตร์ลักษณ์ลำยอง จากคันฉ่องชลาลัยใสสะอาด
1. บุคคลวัตและอุปลักษณ์ 2. สัญลักษณ์และอติพจน์
3. บุคคลวัตและสัญลักษณ์ 4. อุปลักษณ์และอติพจน์
28. การพรรณนาเสียงในข้อใดให้อารมณ์ต่างจากข้ออื่น (ต.ค.43)
1. เสียงสกุนราร้องก้องกึกให้หวั่นหวาด
2. เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโวยโวย่วิเวกวะหวามมอก
3. ทั้งพญาคชสารชาติฉัททันต์ทะลึ่งถลันร้องวะแหวะๆ
4. ทั้งพญาพาฬมฤคราชเสือโคร่งคะครางครึ้มกระหึมเสียง
29. ข้อใดไม่ใช่ภาพพจน์แบบบุคคลวัต (มี.ค.46)
1. เมฆไหลลงห่มเงื้อม ผาชะโงก 2. งามม่านเงาไม้โสก ซับซ้อน
3. ดอกหญ้าป่าลมโบก ผวาช่อ 4. ซ่าซ่าธาราฉะอ้อน เร่งร้อนระหายฝัน
30. ข้อใดมีการใช้ภาพพจน์ (มี.ค.46)
1. คันนานต์นฤราสร้าง ราคิน
คือระเบียบรัตนอินทนิล คาดไว้
2. พระพึงพิเคราะห์ผู้ ภัคดี ท่านนา
คือพระยาจักรี กาจแกล้ว
3. เกรงกระรัดก่อรังค์ รั่วหล้า
คือใครจักคุ้มคง ควรคู่ เข็ญเฮย
4. เพื่อพระเดโชชนะ ศึกน้ำ
คือองค์อมิตรพระ จักรมอด เมือเฮย
31. ข้อใดมีการใช้ภาพพจน์ต่างจากข้ออื่น (มี.ค.46)
1. คิดคะนึงถึงนงราม ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง
2. นวลจันทร์เป็นนวลจริง เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา
3. ดูปราสาทราชวังเป็นลังกา ดังป่าช้าพงชัฏสงัดคน
4. โอ้น้ำใจในอุราทารกรรม เหมือนน้ำดำอยู่ในกนองเป็นฟองคราม
32. ข้อใดใช้ภาพพจน์มากที่สุด (มี.ค.46)
1. ไร้ฟูกถูกเนื้อวันทองอ่อน เหมือนนอนเตียงทองอันผ่องใส
เพลินฟังเพลงวังเวงเรไร พิณพาทย์ไพรกล่อมขบสำหรับดง
2. บัดนี้เห็นท่วงที่กิริยาเจ้าก็เปลี่ยนแปลก เล่ห์ประหนึ่งพึ่งพาเป็นแขกไม่ค้นเคย
ไฉนจึงแกลงนิ่งเฉยให้เหินห่างเหมือนผู้อื่นฉะนี้
3. พันลึกล่มลั่นฟ้า เฉกอสุนีผ่าหล้า
แห่ลงเพี้ยงพกพัง แลนา
4. ดาวระยับประดับฟ้าเพลานี้ เพชรราตรีส่องสกาว ณ หาวหน
ประชันแสงวะวับวาวพราวสกนธ์ มิแผกคนแข่งค่าบารมี

33. ข้อใดใช้กลวีการแต่งตางจากข้ออื่น (มี.ค.46)
1. เปรียบแรงคชสารปานกลจักร ผ่าผลักชักลากราวหยากไย่
2. ใหญ่เทียมภูผาท่าดุดัน เรี่ยวแรงแข็งขยันเชื่อควาญตน
3. งางอนอ่อนช้อยทุกรอยลึก ดูประหนึ่งกรกรายนางร่ายรำ
4. เหมือนมีชีวิตสติราง ซุงแกะเป็นช้างย่างบาดได้
34. ข้อใดมีกลวิธีการใช้คำต่างจากข้ออื่น (มี.ค.46)
1. ปลาทุกทุกข์อกกรม เหมือนทุกข์ที่พี่จากนาง
2. อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกกาหน้าอกชล
3. เสียงสรวลระรี่นี้ เสียแก้วพี่หรือเสียงใคร
4. หนาวพรมน้ำค้างพราว หนาวซอกผาศิลาเย็น
35. ข้อใดพรรณนาภาพเคลื่อนไหวได้ชัดเจนที่สุด (มี.ค.46)
1. บเห็นท่าต่อรบ รู้ว่าทบบทมิทาน รู้ว่าราญบมิรอด คิดเททอดครัวแตก แหกหนวีหน้าอย่างพระ
2. เขาก็มละบ้านเมือง เปลืองเปล่าผู้หมู่ชน ชวนกันซนกันซุก บุกป่าดงป่าแดง แฝงเอาเหตุเอาผล
3. ขับทวยกล้าเข้าแทง ขับทวยแข็งเข้าฟัน สองฝ่ายยันยืนยุทธ์ อดอึงโห่เอาฤกษ์ เอิกอึงโห่เอาชัย
4. พุ่งหอกใหญ่คะคว้าง ขว้างหอกซัดคะไขว่ ไล่คะคลุกบุกบัน เงื้อดาบฟันฉะฉาน ง่าง้าวฟาดฉะฉับ
36. ข้อใดใช้อุปลักษณ์ (มี.ค.47)
1. เห็นแจ้ง ณ สี่องค์ พระอริยสัจอัน
อาจนำมนุษย์ผัน ติระข้ามทะเลวน
2. ย่อมช้าลักษณะตระการ ใช้ช้างสามัญ
คืออัษฎมงคงศรี
3. ถืออาวุธศาสตราเป็นท่ารำ ล้วนต่างๆวางประจำอยู่เรียงราย
4. น้องฝันว่าได้เอื้อมถึงอากาศ ประกลาดเด็ดสุริยาลงมาล่าง
37. คำประพันธ์ต่อไปนี้มีภาพพจน์ตามข้อใด (มี.ค.47)
“วางรากศิลารัก สกัดด้วยดวงชีวัน
ขอเพียงเราอยู่คู่กัน ผูกพันตราบสิ้นดินฟ้า
1. อุปลักษณ์ อติพจน์ 2. บุคคลวัต อติพจน์ 3. อุปมา อุปลักษณ์ 4. อุปลักษณ์ บุคคลวัต
38. ข้อใดมีภาพพจน์มากที่สุด (มี.ค.47)
1. มองซิมองทะเล เห็นลมคลื่นเห่จูบหิน บางครั้งมันบ้าบิ่น กระแทรกหินดังครืนๆ
2. ทะเลไม่เคยหลับใหล ใครตอบได้ไหม ไฉนจึงตื่นและสะอื้นอยู่ล่ำไป
3. ยามหลับใหลชั่วคืน ก็ถูกคลื่นฝันปลุกฉันรัญจวน ฉันจึงเรรวน มิเคยจะหลับไปกลับทะเล
4. ทะเลหัวใจของเรามีรักอยู่ภายใน ดูซิเป็นไปได้ จิตใจเหมือนดังทะเลครวญ

คำยืม

คำยืม
1. คำในข้อใดไม่เป็นคำสมาส
ก. ชัยมงคล มหาราช ข. สังคีตศาลา นาฎยศัพท์
ค. พัทธสีมา รัฐบุรุษ ง. สราญรมย์ ประกาศิต
2. ข้อความต่อไปนี้มีคำที่มาจากภาษาต่างประเทศกี่คำ
อันสุริยวงศ์เทวัญอสัญหยา เรืองเดชชาญสนาม
ทั้งไพรีก็ชำนาญการสงคราม ลือนามในชวาระอาฤทธิ์
ก. 2 ภาษา ข. 3 ภาษา ค. 4 ภาษา ง. 5 ภาษา
3. ข้อใดมีคำสมาสที่มีการสนธิ
ก. ธาตุเจดีย์ ธัญพืช ธรรมจารี ข. รัตนชาติ ราชสาสน์ รมณียสถาน
ค. ภูมิลักษณ์ ภูษามาลา ภิญโญภาพ ง. พรรณนาโวหาร พยุหเสนา พรหมาสตร์
4. ข้อใดไม่มีคำยืนจากภาษาต่างประเทศ
ก. ฝรั่งเป็นต้นตำรับอาหารกินเร็ว ยืนกินเดินกินก็ได้
ข. เมื่อเรารับมาก็ต้องกินตามอย่างเขาและรู้สึกว่าง่ายดี
ค. เราไม่ได้กินเพื่อประหยัดเวลาเอาไว้ทำการงานอย่างอื่น
ง. เป็นการกินเล่นๆ กินในหมู่คนวัยที่ยังทำมาหากินไม่ได้มากกว่า
5. ข้อใดไม่มีคำที่มาจากภาษาบาลีหรือภาษาสันสกฤต
ก. เราต้องใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ข. อย่าเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา
ค. ชื่อของเขาอยู่ในทำเนียบรุ่น ง. ภรรยาของเขาทำงานอยู่ที่นี่
6. ข้อความต่อไปนี้ส่วนใดไม่มีคำที่มาจากภาษาอังฤกษ
ก. เรตติ้งของรายการโทรทัศน์สัมพันธ์กับเวลาในการออกอากาศ / 2) รายการที่ออกอากาศในช่วงไพร์มไทม์ หรือช่วงเวลาที่มีผู้ชมโทรทัศน์มาก / 3) จะมีโอกาสได้รับความนิยมมากกว่ารายการที่ออกอากาศในช่วงเวลาที่คนชมราการน้อย / 4) ช่วงเวลาที่มีผู้ชมทีวีมากก็คือช่วงหัวค่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรายการข่าว /
ก. ส่วนที่ 1 ข. ส่วนที่ 2
ค. ส่วนที่ 3 ง. ส่วนที่ 4

7. คำภาษาอังกฤษในข้อใดไม่มีคำภาษาไทยใช้แทน
ก. ห้างสรรพสินค้าส่งแค็ตตาล็อกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังลดราคามาให้ดูที่บ้าน
ข. อยากโทรศัพท์บอกเพื่อนว่าอาจารย์ต้องการพบ แต่ผมไม่มีโฟนการ์ด
ค. ไดรไอซ์มีประโยชน์มาก ช่วยทำให้อาหารแช่แข็งไม่ละลายง่าย
ง. ตึกใหญ่หลังนั้นมีคนมาเช่าทำออฟฟิศกันมากมาย คุณสนใจไหม
8. “ผมไม่อยากให้คนเรียกถึงขนาดนั้น มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ผมจะรับได้ คำวีรบุรุษน่าจะเหมาะกับทหารตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้มากกว่า” (สมจิตร จงจอหอ)
ข้อความข้างต้น มีคำสมาสกี่คำ
ก. 1 คำ ข. 2 คำ ค. 3 คำ ง. 4 คำ
9. ข้อใดไม่มี คำยืม
ก. ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ ข. คงเหลือแต่ต้นทุนบุญกุศล
ค. ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน ง. แม้ร่างตนก็เอาไปเผาฟ้า
10. ข้อใดมีคำไทยแท้ทุกคำ
ก. คำโบราณท่านผู้ว่าลูกเขย ข. ไม่ชอบเลยกับพ่อตาอย่าสงสัย
ค. ญาติกาสามีกับพี่สะใภ้ ง. เล่าก็ไม่ชอบกันเป็นมันคง
11. ข้อใดมีคำสมาสทุกคำ
ก.ราชการ กรรมการ กลเม็ด ข. บรรจุภัณฑ์ ธรรมชาติ สุรนารี
ค. เศรษฐกิจ สิทธิบัตร สัจธรรม ง. คริสตกาล ศาสนสถาน กระยาหาร
12. ข้อใดมีวิธีการสมาสที่ไม่มีการกลมกลืนเสียง
ก. วิทยากร 2 . ทรัพยากร ค. ประชากร ง. ศิลปากร
13. ข้อใดมีคำสมาสที่มีการสนธิทุกคำ
ก.ราชการ, รันติกาล, อันธพาล ข. ภัตตาคาร, กันยายน , สมาคม
ค. วันทยหัตถ์, มาตรฐาน , นเรศวร ค. ไชยานุภาพ, กุศโลบาย, สัญญาบัตร
14. ข้อใดจำเป็นต้องใช้คำทับศัพท์
ก. นักกีฬาต้องวอร์มร่างกายก่อนแข่งขัน
ข. คนไทยนิยมไปชอปปิ้งที่สิงคโปร์
ค. ปัจจุบันธุรกิจจอโรมาเทอรา 4 ปี กำลังได้รับความนิยม
ง. การติดต่อทางอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องธรรมดาของยุคนี้
15. ข้อใดมีคำไทยแท้ทุกคำ
ก. หนุ่มใหญ่เครียดพิษเศรษฐกิจนอนให้รถไฟทับคับ
ข. น้ำมันดีเซลขึ้นทะลุสี่สิบบาทสิบล้อเตรียมประท้วง
ค. ผู้ก่อการร้ายใต้ถล่มยิงตำรวจตาย 3 นาย
ง. พ่อสอนให้เรารู้จักประหยัดและความพอเพียง
16. ข้อใดเป็นคำสมาสทุกคำ
ก. ชาติพันธุ์ ชาติภูมิ ชาตินิยม ชาติรส ข. ชีววิทยา ชีวเคมี ชีวประวัติ ชีวจิต
ค. ธรรมจริยา ธรรมกถา ธรรมขันธ์ ธรรมดา ง. ภูมิบาล ภูมิประเทศ ภูมิลำเนา ภูมิภาค
17. ข้อใดไม่เป็นคำสมาสทุกคำ
ก. วีรบุรุษ ทุนทรัพย์ นาฏศิลป์ ข. เอกชน ปาฐกถา วาตภัย
ค. ภาพยนตร์ บุตรหลาน วิศวกรรม ง. โจรภัย ปิยมหาราช มยุรฉัตร
18. คำต่อไปนี้เป็นคำยืมจากชาติใด “กระดาษ, อาจาด, ปะการัง, จับเจี้ยว”
ก. เปอร์เซีย อาหรับ มลายยู โปรตุเกส ข. มลายู เปอร์เซีย อาหรับ จีน
ค. โปรตุเกส ชวา ทมิฬ ญี่ปุ่น ง. โปรตุเกส ทมิฬ มลายยู จีน
19. ข้อใดมีคำภาษาต่างประเทศที่ไม่ควรใช้
ก. เวลาขับรถที่มีเกียร์อัตโนมัติ เราไม่ควรเหยียบคลัตซ์จึงให้รู้สึกเหนื่อยมาก
ข. บริษัทนำรถเบรนด์เนมดัง ๆ ทั้งเบนซ์ เชฟโรเลต และซีตรองมาให้คณะรัฐมนตรีชม
ค.ในการแข่งขันแรลลี่ครั้งที่ 17 ของสมาคม ปรากฏว่ามีผู้สนใจสมัครเข้าการแข่งขันเกินกว่าที่คาดหมาย
ง. นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมของไทย
20. ข้อใดจำเป็นต้องใช้คำภาษาต่างประเทศ
ก. สมชายบอกนงนุชว่าหลังเลิกงานแล้วจะไปเที่ยวคาราโอเกะกัน
ข. ผาสุกจะเปิดแฟรนไซส์ขายข้าวแช่สูตรโบราณทั่วกรุงเทพฯ
ค. สมพรบอกน้องสาวให้เคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนลาออก
ง. สมศักดิ์ชอบสไตล์การแต่งตัวของสมศรี
21. ข้อใดเขียนคำทับศัพท์ได้ถูกต้องทุกคำ
ก. คลินิก เนกไท ปิกนิก ข. เทคนิค อิเล็กทรอนิกส์ โอลิมปิก
ค. เซรุ่ม แท็กซี่ โควต้า ง. เปอร์เซ็นต์ เซ็นชื่อ ไซยาไนต์
22 . ข้อใดเขียนคำทับศัพท์ผิดทุกคำ
ก. เสริฟ มอเตอร์ไซด์ บาสเก็ตบอล ข. แก๊ง แท็งก์ แบงก์
ค. เบรก คลัตซ์ เกียร์ ง. แฟชั่น คุกกี้ ซุป
23. ข้อใดเขียนคำทับศัพท์ได้ถูกต้องทุกคำ
ก. ดีเปรสชั่น วอลเล่ย์บอล บาสเกตบอล ข. คอร์รัปชัน ทอฟฟี่ ก๊อบปี้
ค. กอล์ฟ ริบบิ้น โบว์ ง. ฟลุค คุกกี้ ซุป
24. ข้อใดเขียนคำทับศัพท์ได้ถูกต้องทุกคำ
ก. คาร์บิวเรเตอร์ ค็อกเทล เคเบิ้ล ข. ฟังก์ชั่น ชอปปิง บุฟเฟต์
ค. โปรเตสแดนต์ แคลอรี แคปซูล ง. พลาสเตอร์ พลาสติก พีระมิด
25. ข้อใดจำเป็นต้องใช้คำทับศัพท์
ก. คนไทยจำนวนมากนิยมใช้สินค้าแบรด์เนม ข. อาหารฟาส์ตฟูดไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ค. วิดีโอสามก๊กชุดนี้สนุกมาก ง. น้ำมันเบนซิลและดีเซลลดราคาลงแล้ว
26. คำยืมในข้อใด มีคำที่ไม่เข้าพวกกันกับข้ออื่น
ก. บุหรง บุหลัน บุหงา ข. ตุนาหงัน มะงุมมะงาหรา ตันหยง
ค.ปั้นเหน่ง ยาหยี ยิหวา ง. ซ่าหริ่ม อุรังอุตัง เจียระใน
27. คำยืมในข้อใด มีคำไม่เข้าพวกกับข้ออื่น
ก. เปตอง แชมเปญ ข. กาเฟอีน คาเฟ่
ค. กงสุล อาวัล ง. ชีฟอง ลองกอง
28. คำยืมในข้อใด ไม่เข้าพวกกับข้ออื่น
ก. กัมประโด ข. เลหลัง ค. สบู่ ง. ปิ่นโต
29. “จักเจียนจอมปลวกเตี้ย เติมภู เขาแฮ
ดีแต่แล่เนื้อหมู เพิ่มช้าง
เบียนเบียดเจียดพิษงู เพิ่มพิษ นาคนา
อุตริรองน้ำค้าง ใส่ซ้ำสาคร”
โคลงบทนี้มีคำมาจากภาษาบาลีและสันสกฤตรวมกันกี่คำ
ก. 2 คำ ข. 3 คำ ค. 4 คำ ง. 5 คำ
30. “ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ฤาไหว”
โคลงบทนี้บาทใด ไม่มีคำยืม
ก. บาทที่ 1 ข. บาทที่ 2
ค. บาทที่ 3 ง. บาทที่ 4

แบบทดสอบเรื่องการสร้างคำ (คำมูล ซ้อน ซ้ำ ประสมและสมาส)

แบบทดสอบเรื่องการสร้างคำ (คำมูล ซ้อน ซ้ำ ประสมและสมาส)
1. คำประพันธ์ต่อไปนี้ใช้คำประเภทใดมากที่สุด
มีแต่ความกระเสือกกระสนทุรนทุราย ฟูมฟายอยู่ในความไหม้หม่น
มีแต่ความแคบคับที่อับจน ทางหนที่กระดิกกระเดี้ยตัว
ก. คำสมาส ข. คำประสม
ค. คำซ้ำ ง. คำซ้อน
2. คำที่ใดที่ขีดเส้นใต้ข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ
ก. เธอร้องกรี๊ดๆ ลั่นห้อง ข. ค่อย ๆ พูดก็ได้อย่าเพิ่งใจร้อน
ค. เธอเผลอแลบลิ้นแผล็บๆ เมื่อพูดผิด ง. ฝนตกหยิม ๆ ในขณะที่ฉันเดินมาโรงเรียน
3. ข้อความต่อไปนี้มีคำซ้อน ซึ่งสามารถสลับที่ได้โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนกี่คำ
อย่างหน่วงหนักชักช้ารังคลาไคล รีบไปให้ทันท่วงที
ก. 1 คำ ข. 2 คำ ค. 3 คำ ง. 4 คำ
4. ข้อใดมีใช่คำประสม
ก. ต้มเค็ม ข. ต้มข่า ค. ต้มไข่ ง. ต้มส้ม
5. คำซ้ำในข้อใดไม่มีความหมายเป็นพหูพจน์
ก. น้องๆ ของเขารักใคร่กันดี ข. เขาป่วยต้องนอนพักรักษาเป็นเดือนๆ
ค. ตอนเด็กๆฉันเคยไปอยู่ต่างจังหวัด ง. สาวๆสมัยนี้รูปร่างอ้อนแอ้นกั้นทั้งนั้น
6. ข้อความต่อไปนี้มีคำซ้อนกี่คำ
ข้าวเป็นธัญญาหารที่มีประโยชน์อยู่ทุกอณูของเมล็ดข้าว เนื้อข้าว รำข้าว และจมูกข้าว เราจึงควรกินข้าวให้ครบทุกส่วนของเมล็ด เพื่อชีวิตที่แข็งแรงสดใส ห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆ และมีสุขภาพดีอายุยืนยาว
ก. 3 คำ ข. 4 คำ ค. 5 คำ ง. 6คำ
7. คำที่ขีดเส้นใต้ในข้อใดใช้เครื่องหมายไม้ยมกไม่ได้
ก. มีอะไรก็กินกินไปเถอะ ข. โปรดนั่งตามที่ที่จัดไว้
ค. ขนมนี้ออกเค็มเค็มฉันไม่ชอบ ง. แม่ทำอาหารอร่อยอร่อยไว้ให้กินเสียก่อนสิ
8. ข้อใดมีคำประสม ปนอยู่
ก. ตัดสิน พัดวี ข่มเหง ข. รู้จัก คอยทำ อบรม
ค. งูเงี้ยว บากบั่น กลิ่นอาย ง. ขาดเหลือ บ่อเกิด เสื่อสาด
9.ข้อใดมีคำซ้อนที่สร้างจากคำไทยและคำเขมรทุกคำ
ก. ด่าทอ แมกไม้ เผาผลาญ ข. พงไพร เลือกสรร แบบแผน
ค. เมิลมอง เสนียดจัญไร ภูเขา ง. ทรวงอก ละเอียด ฝุ่นผง
10. คำซ้อนในข้อใดมีลักษณะต่างจากข้ออื่น
ก. นรชน ข. คชสาร ค. อิทธิฤทธิ์ ง. เหตุการณ์
11. คำประสมในข้อใดประสมจากคำไทยแท้ทุกคำ
ก. เดินโพย หมูตุ๋น เก้าอี้โยก ข. ตู้เชฟ เท้าแชร์ พวงหรีด
ค. ยานอวกาศ มนุษย์กบ แก๊สน้าตา ง. หน้าม้า หมกเห็ด หุ่นเชิด
12. ข้อใดเป็นคำประสมที่เลียนแบบคำสมาสทุกคำ
ก. เทพเจ้า สมมุติเทพ สุริยเทพ ข. ทุนทรัพย์ เมรุมาศ ผลไม้
ค. พลเรือน ราชวัง ราชครู ง. สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ สรรพสินค้า
13. คำซ้อนในข้อใด สลับที่กันแล้วความหมายเปลี่ยนทั้งสองคำ
ก.แหลกเหลว แน่นหนา ข. เศร้าโศก สร้อยเศร้า
ค.เหือดแห้ง ร่อนเร่ ง. แผ่เผื่อ เปื้อนเปรอะ
14. คำซ้อนในข้อใด สลับที่กันแล้วความหมายเปลี่ยนทุกคำ
ก. แคล่วคล่อง คลางแคลง ข. เกลื่อนกลาด แน่แน่ว
ค. ยกเลิก ร้องเรียก ง. รุ่มร้อน เลิกล้ม
15. “เวลาที่ท่านตั้งใจทำงาน บุคลิกของท่านก็เหมือนนักบวชกำลังสาธยายมนต์ สง่างามเหมือนนักรบที่ต่อสู่กับข้าศึกเหมือนแพทย์ที่กำลังช่วยชีวิตคนไข้ เหมือนตำรวจกำลังรักษาราษฎรมิให้ถูกโจรทำร้าย”
ข้อความนี้มีคำประสมกี่คำและคำซ้อนกี่คำ
ก. คำประสม 3 คำ, คำซ้อน 3 คำ ข. คำประสม 4 คำ , คำซ้อน 4 คำ
ค. คำประสม 5 คำ, คำซ้อน 4 คำ ง. คำประสม 7 คำ , คำซ้อน 3 คำ
16. ท่านผู้เฒ่ามีจุดยืนไปทางความคิดฝ่ายเต๋า อย่างเดียวกับซุยเป๋งเพื่อนของขงเบ้ง ซึ่งเป็นคนกล่าวย้ำกับ เล่าปี่ว่า “ธรรมดาสรรพสิ่งในใต้ฟ้า เมื่อแยกกันนาน ๆ กลับรวมกัน เมื่อรวมกันนาน ๆ ก็แยกอีก” เพื่อให้เล่าปี่รู้จักปล่อยว่าง
ข้อความข้างต้นมีคำประสมกี่คำ คำซ้อนกี่คำ
ก. คำประสม 2 คำ ,คำซ้อน 2 คำ ข. คำประสม 3 คำ ,คำซ้อน 3 คำ
ค. คำประสม 4 คำ ,คาซ้อน 2 คำ ค. คำประสม 3 คำ ,คำซ้อน 2 คำ
17. ข้อใดมีคำประสมและคำซ้อน
ก. อัดแกนนำพันธมิตรมีเจตนาไม่บริสุทธ์ ข. เอกยุทธจี้หมักตัดสินใจ
ค. อินทรีเหล็กคึกคักหมั่นใจดับซ่าไก่งวง ง. พานิชย์จับตา 200 การคุมราคาสินค้า
18. ข้อใดมีวิธีการสร้างคำมากที่สุด
ก. สถานการณ์ขาดแคลนพลังงานกำลังเป็นปัญหาคุกคามโลกยุคโลกกาภิวัตน์
ข. อีกสิบปีข้างหน้าโลกต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอาหาร
ค. อีกทั้งสภาวะโลกร้อนอาจทำให้น้ำท่วมโลก
ง. ความยุ่งเหยิงโกลาหลรอคอยอยู่ข้างหน้า
19. คำประสมในข้อใด มีโครงสร้างเหมือนคำว่า “เครื่องปั่นไฟ” ทุกคำ
ก. จักรเย็บผ้า , ผ้ากันเปื้อน ข. ผ้าปูโต๊ะ , ผ้าเช็ดหน้า
ค. หม้อไฟฟ้า , โรงจอดรถ ง. ไม้ตีกอล์ฟ , เข็มขัดนิรภัย
20. คำในข้อใดมีคำที่ไม่ใช่ คำซ้อนปนอยู่
ก. ธงทิว, สร้างสรรค์, เรือนหอ ข. เสือสาง, รังสฤษฎ์, ถุงไถ้
ค. ปกครอง, ผมเผ้า, บกพร่อง ง. ถักทอ, หอคอย, ห้องหับ
21. ข้อใดไม่มีคำซ้อน
ก. หน้าตาของสลวยดูสดใสขึ้นเมื่อทราบข่าวคนรักของเธอ
ข. สารินไม่รู้จักมักคุ้นกับอัศนีย์แต่เขาก็มาชวนเธอทำงาน
ค. รจนาหน้าตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ที่ดูจะหาทางออกไม่ได้
ง. กนกเรขาไม่เดือดร้อนที่คนเข้าใจผิดเรื่อง
22. คำซ้ำในข้อใดมีความหมายต่างจากข้ออื่น
ก. เรากำลังฟังเพลิน เธอก็หยุดเล่าเสียเฉย ๆ
ข. คนช่วยงานเยอะแล้วเรานั่งเฉย ๆ ดีกว่า
ค. นักเรียนมักกลัวครูที่ทำหน้าเฉย ๆ
ง. ไหนเธอว่าเขาเป็นคนเฉย ๆ ไง
23. คำซ้อนในข้อใดประกอบด้วยคำไทยกับคำเขมรทุกคำ
ก.ปรับปรุง แลกเปลี่ยน ล้างผลาญ ข. คุ้มกัน ละเอียดลออ ด่าทอ
ค. กล้าหาญ บั่นทอน เพื่อนเกลอ ง. โง่เขลา เงียบสงัด ฝุ่นละออง
24. ข้อความต่อไปนี้มีคำซ้อนกี่คำ
“ธรรมชาติสรรค์สร้างสิ่งดีๆ ให้มวลมนุษย์ แต่มนุษย์เป็นผู้ทำร้ายจนโลกเปลี่ยนแปลง จึงต้องตักเตือนกันให้นำโลกเข้าสู่สภาพเดิมเร็วไว”
ก. 2 คำ ข. 3 คำ ค. 4 คำ ง. 5 คำ
25. คำประสมทุกคำในข้อใดมีส่วนประกอบเหมือนคำว่า“คนพิมพ์ดีด”
ก.เครื่องตัดหญ้า รถลอยฟ้า ข. คนเก็บขยะ นักการเมือง
ค. หัวก้าวหน้า ผู้ใจบุญ ง. ห้องนั่งเล่น ผ้ากันเปื้อน
26. ข้อใดมีคำซ้ำที่ใช้เป็นคำเดี่ยวไม่ได้
ก. กำลังเดิน ๆ อยู่ฝนก็ตก ข. เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ เชื่อเถอะ
ค. นักมวยฝ่ายแดงกำลังงง ๆ เมื่อถูกจับแพ้ ง. เปิดพัดลมเบา ๆ เดี่ยวจะเป็นหวัด
27. การใช้คำซ้ำในข้อใดต่างจากข้ออื่น
ก. น้ำพระทัยเธอข่อน ๆ คิดไม่ขาด ข. น้ำพระชนนัยน์ไหลลงหลั่ง ๆ
ค. พุ่มไม้ครึ้มเป็นเงา ๆ ชะโงกเงื้อม ง. ฝูงสกุณาออกหากินบินเกริ่นก้องร้องอยู่แจ้ว ๆ
28. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ
ก. กล้ำกลืน เคยตัว ติดตาม ข. อวดอ้าง หมายมาด เคลื่อนคล้อย
ค. พรั่งพร้อม หง่างเหง่ง วังเวง ง. ร่อยหรอ โศกศัลย์ ตกยาก
29. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ
ก. เหตุการณ์ มิตรสหาย โกรธเคือง พบพาน ข. เงียบสงัด เรืองรอง ขมีขมัน ห้องหอ
ค. สูญเสีย พักผ่อน สัตว์ซื่อ วิธีการ ง. ปล่อยวาง ลำน้ำ เผ่นโผน นับถือ
30. ข้อใดเป็นคำประสมทุกคำ
ก. ของขลัง ชุมนุม เรือด่วน สามขุม ข. เรียงเบอร์ ข้าวสวย มูมมาม เหล็กดัด
ค. มือถือ เครื่องบิน ต้มเค็ม รูปภาพ ง. แม่พิมพ์ เครื่องคิดเลข แกงไก่ ขายหน้า